| ข่าวประจำวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๘(ฝ่ายประชาสัมพันธ์) (วันที่ 23 มิ.ย. 2558 เวลา 10:10) |
|
- สอบคำให้การยักยอกเงินสจล.500ล้านจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา - ยานรก เมืองน้ำดำราคาตกผวาหน้าใหม่เข้าสู่วังวนเพิ่ม - ชวลิต ประภัสสร นายกเทศมนตรี ทุ่งยั้ง สร้างถนน-เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว |
New Update !!!!

ที่ 1285/2544
ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย
อาคารเทิดพระเกียรติฯ ชั้น 7 ถ.อังรีดูนังต์
เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
2 สิงหาคม 2544
เรื่อง ขอความอนุเคราะห์ในการขอบริจาคดวงตาจากนักโทษประหาร
เรียน อธิบดีกรมราชทัณฑ์
ด้วยศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยเป็นหน่วยงานหนึ่งของ สภากาชาดไทยที่เป็นศูนย์กลาง ในการรับแสดงความจำนงอุทิศดวงตา จากผู้มีกุศลจิต และทำการเก็บรวบรวมดวงตาจาก ผู้อุทิศที่ถึงแก่กรรมส่งมอบให้โรงพยาบาลหรือจักษุแพทย์ เพื่อใช้ในการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาให้ผู้ป่วย ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2508 ปัจจุบันมีผู้แจ้งความจำนงบริจาคดวงตาไว้กว่า 400,000 ราย แต่จัดเก็บดวงตาได้เพียงประมาณ 3,700 ดวง เท่านั้น ทำให้ผู้ป่วยที่ลงทะเบียนรอรับดวงตาในขณะนี้มีถึงกว่า 3,000 ราย และต้องรอนานนับปี
คณะกรรมการจัดหาและบริการดวงตาแห่งสภากาชาดไทยมีความเห็นว่า ปัจจุบันมีการประหารชีวิตนักโทษที่ค้ายาเสพติดเป็นจำนวนมาก หากได้รับความอนุเคราะห์ จากกรมราชทัณฑ์ในการให้ข้อมูลและขอบริจาคดวงตาจาก นักโทษประหาร เพื่อนำไปใช้ในการช่วยเหลือผู้ป่วยกระจกตาพิการก็จะเป็น ประโยชน์แก่ผู้ป่วยเป็นอย่างยิ่ง และนักโทษประหารเหล่านั้นก็จะได้บุญกุศลมหาศาล เมื่อมีนักโทษประหารคนใดยินดีบริจาคดวงตาให้สภากาชาดไทย หลังถูกประหารแล้ว ขอให้กรมราชทัณฑ์แจ้งให้ศูนย์ดวงตาทราบภายในเวลาไม่เกิน 6 ชั่วโมง ศูนย์ดวงตาจะส่งเจ้าหน้าที่ไปเก็บดวงตา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ตามเจตนารมย์ของ ผู้บริจาคดวงตาต่อไป และเมื่อศูนย์ดวงตานำดวงตามาใช้ประโยชน์แล้ว สภากาชาดไทยจะมอบสิทธิสมาชิกกิตติมศักดิ์สภากาชาดไทย ให้แก่ทายาทของผู้ บริจาคจำนวน 1 คนด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้
ขอแสดงความนับถือ
(ลงชื่อ)พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา
(นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา)
ประธานกรรมการจัดหาและบริการดวงตาแห่งสภากาชาดไทย
นพวรรณ บัวทอง
นักจิตวิทยา ทัณฑสถานโรงพยาบาลฯ
1. เจตนาฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ เช่น กินยาฆ่าแมลง ผูกคอ เชือดข้อมือ กระโดดตึก เป็นต้น
2. มีความตั้งใจฆ่าตัวตายชัดเจน เช่น
3. เคยมีประวัติพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน จากสถิติพบว่า 1 ใน 3 ของผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ เคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อนและการกระทำครั้งที่ 2 มักเกิดภายในเวลา 90 วัน หลังจากครั้งแรก นอกจากนี้ ผู้ที่เคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน มีโอกาสจะทำได้สำเร็จมากกว่าผู้ที่ยังไม่เคยทำ
4. มีโรคทางกาย พบว่าโรคทางกายโรคใดโรคหนึ่งใน 3 โรคต่อไปนี้มีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้คิดฆ่าตัวตาย
5. โรคทางจิตเวช โรคใดโรคหนึ่งใน 4 โรคต่อไปนี้มีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้คิดฆ่าตัวตาย
| รายการประเมิน | มี | ไม่มี |
| 1. มีเรื่องกดดันหรือคับแค้นใจหรือไม่ | ? | ? |
| 2. รู้สึกเป็นทุกข์จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่ | ? | ? |
| 3. รู้สึกท้อแท้ เบื่อหน่ายสิ้นหวังหรือไม่ | ? | ? |
| 4. ขณะนี้มีความคิดฆ่าตัวตาย หรือหาวิธีฆ่าตัวตายหรือไม่ | ? | ? |
?ถ้าตอบ มี ในข้อ 1 หรือ 2 แสดงว่าอาจจะมีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายหรือเป็นโรคซึมเศร้า (ควรประเมินโรคซึมเศร้าตามแบบประเมินข้างล่าง)
ถ้าตอบ มี ในข้อ 3 หรือ 4 แสดงว่า มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูง
| ส่วน ก รู้สึกหดหู่ใจ ไม่มีความสุข เศร้าหมองเกือบทุกวัน หรือเบื่อหน่าย ไม่อยากพบปะผู้คน |
มี | ไม่มี |
| ส่วน ข 1. น้ำหนักลด 2. นอนไม่หลับเพราะคิดมาก กังวลใจ หรือตื่นบ่อย 3. วุ่นวายใจหรือรู้สึกเหนื่อยหน่าย ไม่อยากทำอะไร 4. รู้สึกอ่อนเพลียจนไม่มีแรงจะทำอะไร 5. รู้สึกหมดหวังในชีวิต ตนเองไม่มีคุณค่า 6. รู้สึกตนเองไม่มีสมาธิ ตัดสินใจในเรื่องต่างๆได้ 7. มีความคิดเกี่ยวกับความตายหรือรู้สึกอยากตายบ่อยๆ |
? | ? |
ใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้รับการประเมินรู้สึกหรือมีอาการต่อไปนี้บ้างหรือไม่
ถ้าตอบ มี ในส่วน ก และ มี ในส่วน ข จำนวน 1 - 2 ข้อหมายถึงมีภาวะซึมเศร้าควรให้คำปรึกษา
ถ้าตอบ มี ในส่วน ก และ มี ในส่วน ข ตั้งแต่ 3 ข้อขึ้นไปหมายถึงมีภาวะซึมเศร้ามากให้ส่งพบแพทย์
กรณีผู้มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างกระทันหัน
เช่น จากการมีสภาวะซึมเศร้าเปลี่ยนเป็นสดชื่นอย่างกระทันหัน หรือจากอาการก้าวร้าวเปลี่ยนเป็นสงบซึมเฉย เป็นภาวะที่ต้องระมัดระวังอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นสภาวะที่แสดงถึงการตัดสินใจโดยเด็ดขาดที่จะฆ่าตัวตาย
กรณีผู้ป่วยมีภาวะซึมเศร้ามาก ไม่พูด ไม่รับประทานอาหาร หรือแยกตัวเอง
กรณีผู้ป่วยหวาดระแวง กลัวผู้อื่นจะมาทำร้าย
กรณีที่ผู้ป่วยมีความรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่า
กรณีที่ผู้ป่วยเรียกร้องความสนใจจากผู้รักษามากเกินไป
ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เป็นเรือนจำที่ทำหน้าที่พิเศษคือ คุมขังและให้การรักษาผู้ต้องขังที่เจ็บป่วย ที่ถูกส่งมาจากเรือนจำต่างๆ เมื่อรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว ก็จะส่งตัวกลับไปคุมขังที่เรือนจำเดิมต่อไป
สถานที่ตั้ง
ทัณฑสถานตั้งอยู่ในบริเวณ "กลุ่มเรือนจำลาดยาว" บน ถนนงามวงศ์วาน กทม.ซึ่งประกอบด้วยเรือนจำขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น เรือนจำ
กลางคลองเปรม เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง และทัณฑสถานหญิงกลาง
ด่านแรก
เป็นอาคารอำนวยการ 2 ชั้น ตั้งอยู่นอกกำแพงเรือนจำ ประกอบด้วยหน่วยงานต่างๆ เช่น ฝ่ายรักษาการณ์ ฝ่ายสวัสดิการ ฝ่ายทัณฑปฏิบัติ ซึ่งญาติที่มาขอเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังจะต้องมาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ที่อาคารนี้ ก่อนที่จะผ่าน เข้าสู่ภายในเรือนจำ ทัณสถานฯจะจัดตู้ ล็อคเกอร์ไว้ให้ญาติผู้ต้องขังเก็บสิ่งของ เช่น กระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือ เนื่องจากเป็นสิ่งของที่ห้ามนำเข้าไปในเรือนจำ ประตูผ่านเข้า-ออกเรือนจำจะถูกควบคุมการ ปิด-เปิดด้วยกลอนแม่เหล็กไฟฟ้า และมีการตรวจสอบการผ่านเข้าออกด้วยทีวีวงจรปิด

การใช้บัตรลงเวลาผ่านเข้า-ออกของเจ้าหน้าที่

การ์ดแม่เหล็กระบบไร้สัมผัส
ภายในเรือนจำ.......
เมื่อผ่านเข้ามาในเรือนจำ จะเห็นอาคารหลายหลัง อาคารหลังใหญ่ที่สุดทาง ด้านซ้ายมือเป็นอาคาร 9 ชั้น ก่อสร้างขึ้นด้วยงบประมาณ 410 ล้านบาทเพื่อให้สามารถรับผู้ต้องขังป่วยได้ 500 คน เริ่มเปิดใช้เมื่อเดือนกันยายน 2547 ที่บริเวณพื้นชั้นล่าง รอบๆตัวอาคารจะเห็นระบบบำบัดน้ำเสียของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งต้องลงทุนสูงถึง 10ล้านบาท เพื่อบำบัดน้ำเสียที่เกิดจากผู้ต้องขัง 500 คน น้ำเสียที่เกิดขึ้นจะถูกส่งผ่าน แผงหลอดอุลตราไวโอเล็ต ที่ฝังอยู่ใต้ดินรอบๆตัวอาคาร เพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบบำบัดน้ำเสียที่ควบคุมการทำ งานอัตโนมัติด้วยไมโครโปรเซสเซอร์

แผงหลอดอุลตราไวโอเล็ต ที่ถูกฝังไว้รอบๆตัวอาคาร
ชั้นที่ 1

ชั้นล่างของตัวอาคารมีหน่วยงานหลายแห่งคล้ายกับโรงพยาบาลทั่วไป คือมีแผนกผู้ป่วยนอก แผนกเวชระเบียน ห้องจ่ายยา ห้องเอกซ์เรย์ห้องฉุกเฉิน ห้องตรวจโรค ฯลฯ ที่แตกต่างไปจากโรงพยาบาลทั่วไปก็คือ ระบบรักษาความปลอดภัยซึ่งจำเป็นในการควบคุมผู้ต้องขัง

เครื่องCT SCAN

กิจกรรมหลายๆอย่างสำหรับผู้ต้องขังจะถูกจัดขึ้น ที่ห้องโถงชั้นล่างของอาคาร เช่น งานนิทรรศการ เต้นแอโรบิค แสดงดนตรี ฉายภาพยนต์ ฯลฯ
องโถงชั้นล่างของตัวอาคารเคยถูกใช้เป็นสนามแข่งชกมวยแดนสามัคคีเกมส์ครั้งที่ 1

การแสดงดนตรีของผู้ต้องขัง

โรงครัวและโรงซักฟอกเสื้อผ้าผู้ต้องขังที่อยู่ทางด้านปีกขวาของชั้นล่างของตัวอาคาร

โรงครัวและโรงซักฟอกเสื้อผ้าผู้ต้องขังที่อยู่ทางด้านปีกขวาของชั้นล่างของตัวอาคาร
ห้องอาหารสำหรับเจ้าหน้าที่ของทัณฑสถานฯ มีพื้นที่กว้างพอที่จะแบ่งส่วนหนึ่งออกมาทำเป็น ห้องพักผ่อนและศูนย์การเรียนรู้ได้ในอนาคต

ระบบป้องกันอัคคีภัย
ทัณฑสถานฯ ได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนอุปกรณ์ ตรวจจับควันไฟ สัญญาณแจ้งเพลิงไหม้และ อุปกรณ์ดับเพลิง มากกว่าร้อยตัวไว้ตามจุดต่างๆของตัวอาคาร โดยมีศูนย์ควบคุม ซึ่งสามารถบอกได้ทันทีว่าเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่จุดไหน
![]() |
| อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน ควันไฟ สัญญาณแจ้งเพลิงไหม้ ตู้ดับเพลิง และ ศูนย์ควบคุมและตรวจสอบสัญญาณแจ้งเพลิงไหม้ของทัณฑสถานฯ |
ห้องควบคุมระบบไฟฟ้า
ที่ชั้นล่างบริเวณท้ายอาคารจะเป็นห้องควบคุมระบบไฟฟ้า มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องดีเซลเทอร์โบของ Volvo ซึ่งจะจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับตัวอาคาร ห้องผ่าตัดห้องฉุกเฉิน ฯลฯ และลิฟท์ทุกตัวได้ทันทีที่ไฟฟ้าดับ (ลิฟท์ของทัณฑสถาน มีอยู่ 4 ตัว 2 ตัวสำหรับผู้ต้องขัง อีก 2 ตัวสำหรับเจ้าหน้าที่)

ชั้นที่ 2
มีหน่วยงานอยู่ 4 หน่วยงานคือ กลุ่มงานทันตกรรม กลุ่มงานชันสูตร กลุ่มงานศัลยกรรม และงานพัสดุ กลุ่มงานทันตกรรม ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของตัวอาคาร มีทันตแพทย์ประจำ 6 คน ให้บริการผู้ต้องขังซึ่งส่วนใหญ่มาจากเรือนจำต่างๆในเขต กทม.
![]() |
| เอกซ์เรย์ฟันระบบดิจิตอลทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและสามารถ ส่งฟิล์มเอกซ์เรย์ไปยัง ระบบ LAN หรือ Internet ได้ทันที |
ห้องปฏิบัติการชันสูตรตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของตัวอาคาร ทำหน้าที่ตรวจเลือดและตัวอย่างสิ่งคัดหลั่งต่างๆที่แพทย์ส่งตรวจเพื่อวินิจฉัยโรค

กลุ่มงานชันสูตร
ห้องปฏิบัติการชันสูตรตั้งอยู่ที่ชั้น 2ของตัวอาคาร ทำหน้าที่ตรวจเลือด และตัวอย่างสิ่งคัดหลั่งต่างๆที่แพทย์ส่งตรวจเพื่อวินิจฉัยโรค

กลุ่มงานห้องผ่าตัด
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของตัวอาคาร มีห้องผ่าตัดใหญ่ 4ห้อง


ชั้นที่ 3
ฝ่ายการพยาบาล
กลุ่มงานเทคโนโลยีสารสนเทศ
กลุ่มงานธุรการ และการเงิน
กลุ่มงานส่งเสริมสุขภาพ
กลุ่มงานประกันสุขภาพทั่วหน้า
กลุ่มงานสังคมสงเคราะห์
กลุ่มงานยาต้าน
![]() |
| เครื่อง Scanner ที่ใช้ในการสแกน เอกสารต่างๆ เข้าสู่ระบบ INTRANET ของทัณฑสถานโรงพยาบาล |
ชั้นสามของตัวอาคารประกอบด้วย ห้องทำงานของหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ฝ่ายบริหาร (งานธุรการ งานการเงินและบัญชีงานพัสดุ งานการเจ้าหน้าที่)ฝ่ายการพยาบาล กลุ่มงานประกันสุขภาพฯ กลุ่มงานสารสนเทศ กลุ่มงานวิชาการ ห้องทำงานแพทย์ ห้องประชุม 2 ห้องซึ่งใช้ในการจัดประชุม และจัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของทัณฑสถานฯทุกเดือนห้องสารสนเทศ เป็นศูนย์กลางของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของทัณฑสถาน ซึ่งเป็นGigabit LAN ที่สามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ ลูกข่ายในระบบ INTRANET ได้มากกว่า 150 เครื่องและยังเชื่อมต่อกับระบบ INTERNET ความเร็วสูงเพื่อสืบค้นข้อมูลผู้ต้องขังได้โดยตรง จากศูนย์ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกระทรวงมหาดไทย
![]() |
| การจัดฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที ของทัณฑสถานโรงพยาบาลฯ |
ชั้นที่ 4 ถึง 8
เป็นชั้นสำหรับพักรักษาตัวของผู้ต้องขังป่วยมีเตียงรับผู้ป่วยได้เต็มที่ประมาณชั้นละ100 เตียงชั้น4 รับผู้ป่วยจิตเวช ชั้น5 รับผู้ป่วยศัลยกรรมชั้น6 เป็นผู้ป่วยอายุรกรรม ชั้น7รับผู้ป่วยวัณโรคส่วนชั้น8 ใช้รับผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง

การจ่ายยาระบบ DOTS ให้ผู้ป่วยวัณโรค

ผู้ต้องขังได้รับการเยี่ยมอย่างใกล้ชิด

นักจิตวิทยากำลังประเมินสภาพจิตของผู้ป่วย

ห้องกายภาพบำบัด

การให้สุขศึกษาแก่ผู้ต้องขัง
ชั้นที่ 9
เป็นห้องพักเวรเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีอยู่ 20 ห้อง ทุกๆห้องจะติดเครื่องปรับอากาศ เครื่องตรวจจับควันไฟ และมีห้องน้ำในตัว นอกจากนี้ ยังติดตั้งโทรศัพท์ที่สามารถโทรออกภายนอกได้ทุกห้อง
![]() |
![]() |
| ห้องนอน 1 ห้องจะมี 2 เตียง พร้อมกับทีวีและล็อคเกอร์ใส่เสื้อผ้า | ห้องน้ำและส่วนอาบน้ำที่อยู่ภายในห้องนอนเจ้าหน้าที่ทุกห้อง |
![]() |
| ห้องออกกำลังกายติดเครื่องปรับอากาศสำหรับเจ้าหน้าที่ก็อยู่ชั้นเดียวกันกับห้องพักเวร |
![]() |
ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ |