Uncategorised

ที่ 1285/2544

ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย
อาคารเทิดพระเกียรติฯ ชั้น 7 ถ.อังรีดูนังต์
เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

2 สิงหาคม 2544


เรื่อง ขอความอนุเคราะห์ในการขอบริจาคดวงตาจากนักโทษประหาร
เรียน
อธิบดีกรมราชทัณฑ์

ด้วยศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยเป็นหน่วยงานหนึ่งของ สภากาชาดไทยที่เป็นศูนย์กลาง ในการรับแสดงความจำนงอุทิศดวงตา จากผู้มีกุศลจิต และทำการเก็บรวบรวมดวงตาจาก ผู้อุทิศที่ถึงแก่กรรมส่งมอบให้โรงพยาบาลหรือจักษุแพทย์ เพื่อใช้ในการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาให้ผู้ป่วย ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2508 ปัจจุบันมีผู้แจ้งความจำนงบริจาคดวงตาไว้กว่า 400,000 ราย แต่จัดเก็บดวงตาได้เพียงประมาณ 3,700 ดวง เท่านั้น ทำให้ผู้ป่วยที่ลงทะเบียนรอรับดวงตาในขณะนี้มีถึงกว่า 3,000 ราย และต้องรอนานนับปี

คณะกรรมการจัดหาและบริการดวงตาแห่งสภากาชาดไทยมีความเห็นว่า ปัจจุบันมีการประหารชีวิตนักโทษที่ค้ายาเสพติดเป็นจำนวนมาก หากได้รับความอนุเคราะห์ จากกรมราชทัณฑ์ในการให้ข้อมูลและขอบริจาคดวงตาจาก นักโทษประหาร เพื่อนำไปใช้ในการช่วยเหลือผู้ป่วยกระจกตาพิการก็จะเป็น ประโยชน์แก่ผู้ป่วยเป็นอย่างยิ่ง และนักโทษประหารเหล่านั้นก็จะได้บุญกุศลมหาศาล เมื่อมีนักโทษประหารคนใดยินดีบริจาคดวงตาให้สภากาชาดไทย หลังถูกประหารแล้ว ขอให้กรมราชทัณฑ์แจ้งให้ศูนย์ดวงตาทราบภายในเวลาไม่เกิน 6 ชั่วโมง ศูนย์ดวงตาจะส่งเจ้าหน้าที่ไปเก็บดวงตา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ตามเจตนารมย์ของ ผู้บริจาคดวงตาต่อไป และเมื่อศูนย์ดวงตานำดวงตามาใช้ประโยชน์แล้ว สภากาชาดไทยจะมอบสิทธิสมาชิกกิตติมศักดิ์สภากาชาดไทย ให้แก่ทายาทของผู้ บริจาคจำนวน 1 คนด้วย

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้
ขอแสดงความนับถือ
(ลงชื่อ)พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา
(นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา)
ประธานกรรมการจัดหาและบริการดวงตาแห่งสภากาชาดไทย

นพวรรณ บัวทอง

นักจิตวิทยา ทัณฑสถานโรงพยาบาลฯ

ลักษณะของผู้ที่เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย

1. เจตนาฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ เช่น กินยาฆ่าแมลง ผูกคอ เชือดข้อมือ กระโดดตึก เป็นต้น

2. มีความตั้งใจฆ่าตัวตายชัดเจน เช่น

  • ทำในสถานที่หรือเวลาที่ยากต่อการพบเห็นหรือช่วยเหลือ
  • เตรียมการเรื่องทรัพย์สินจดหมายลาตาย
  • เตรียมการเรื่องฆ่าตัวตาย เช่น หาซื้อยามาสะสมไว้
  • ใช้วิธีการฆ่าตัวตายที่รุนแรง

3. เคยมีประวัติพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน จากสถิติพบว่า 1 ใน 3 ของผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ เคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อนและการกระทำครั้งที่ 2 มักเกิดภายในเวลา 90 วัน หลังจากครั้งแรก นอกจากนี้ ผู้ที่เคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน มีโอกาสจะทำได้สำเร็จมากกว่าผู้ที่ยังไม่เคยทำ

4. มีโรคทางกาย พบว่าโรคทางกายโรคใดโรคหนึ่งใน 3 โรคต่อไปนี้มีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้คิดฆ่าตัวตาย

  • โรคที่รักษาไม่หาย โดยเฉพาะโรคเอดส์
  • โรคทางกายระยะสุดท้าย เช่น มะเร็ง ไตวาย
  • โรคที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดทรมาน

5. โรคทางจิตเวช โรคใดโรคหนึ่งใน 4 โรคต่อไปนี้มีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้คิดฆ่าตัวตาย

  • โรคซึมเศร้า (Major depressive disorder)
  • โรคจิต (Psychosis) มีความหวาดระแวง หลงผิดคิดว่าคนปองร้าย หูแว่ว ประสาทหลอน
  • ผู้ติดสุรา (Alcoholism) มักมีความรู้สึกว่าตนเองไม่มีค่าเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ประกอบกับฤทธิ์ของสุราที่มีผลต่อสมอง เมื่อเผชิญปัญหาชีวิตอาจแก้ปัญหาดด้วยฆ่าตัวตายได้
  • บุคลิกภาพผิดปกติ (Personality disorder) มักเป็นกลุ่มผู้มีอารมณ์อ่อนไหว ไม่มั่นคง หุนหัน หรือสนใจแต่ตนเองเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่นทำให้คิดสั้นได้

ความต้องการด้านจิตใจของผู้คิดฆ่าตัวตาย

  • ผู้คิดฆ่าตัวตายต้องการความเห็นอกเห็นใจ และต้องการผู้เข้าใจปัญหาและความรู้สึกของเขา แต่ไม่ต้องการถูกซ้ำเติมจากคนรอบข้าง
  • ผู้คิดฆ่าตัวตายต้องการคนที่หวังดี ยินดีรับฟังและช่วยเหลืออย่างจริงใจ
  • ผู้คิดฆ่าตัวตายต้องการระบายความทุกข์ออกมาทางใดทางหนึ่ง เช่น พูด เขียน ร้องไห้ หรือทำร้ายตนเอง
  • ผู้คิดฆ่าตัวตายต้องการคนที่มีเวลาให้กับเขา ให้ความสนใจและเอาใจใส่ดูแล เนื่องจากเขาจะมีความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวมากกว่าปกติ
  • กรณีผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น เรียกร้องความสนใจ วุ่นวาย หวาดระแวง แสดงถึงความต้องการให้ผู้อื่นเข้าใจเหตุผลของการกระทำนั้นๆ

แบบประเมินความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย

รายการประเมิน มี ไม่มี
1. มีเรื่องกดดันหรือคับแค้นใจหรือไม่ ? ?
2. รู้สึกเป็นทุกข์จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่ ? ?
3. รู้สึกท้อแท้ เบื่อหน่ายสิ้นหวังหรือไม่ ? ?
4. ขณะนี้มีความคิดฆ่าตัวตาย หรือหาวิธีฆ่าตัวตายหรือไม่ ? ?

?ถ้าตอบ มี ในข้อ 1 หรือ 2 แสดงว่าอาจจะมีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายหรือเป็นโรคซึมเศร้า (ควรประเมินโรคซึมเศร้าตามแบบประเมินข้างล่าง)
ถ้าตอบ มี ในข้อ 3 หรือ 4 แสดงว่า มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูง

แบบประเมินโรคซึมเศร้า

ส่วน ก
รู้สึกหดหู่ใจ ไม่มีความสุข เศร้าหมองเกือบทุกวัน หรือเบื่อหน่าย ไม่อยากพบปะผู้คน
มี ไม่มี
ส่วน ข
1. น้ำหนักลด
2. นอนไม่หลับเพราะคิดมาก กังวลใจ หรือตื่นบ่อย
3. วุ่นวายใจหรือรู้สึกเหนื่อยหน่าย ไม่อยากทำอะไร
4. รู้สึกอ่อนเพลียจนไม่มีแรงจะทำอะไร
5. รู้สึกหมดหวังในชีวิต ตนเองไม่มีคุณค่า
6. รู้สึกตนเองไม่มีสมาธิ ตัดสินใจในเรื่องต่างๆได้
7. มีความคิดเกี่ยวกับความตายหรือรู้สึกอยากตายบ่อยๆ
? ?

ใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้รับการประเมินรู้สึกหรือมีอาการต่อไปนี้บ้างหรือไม่

ถ้าตอบ มี ในส่วน ก และ มี ในส่วน ข จำนวน 1 - 2 ข้อหมายถึงมีภาวะซึมเศร้าควรให้คำปรึกษา
ถ้าตอบ มี ในส่วน ก และ มี ในส่วน ข ตั้งแต่ 3 ข้อขึ้นไปหมายถึงมีภาวะซึมเศร้ามากให้ส่งพบแพทย์

ข้อปฏิบัติสำหรับผู้ดูแลผู้เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย

  1. ควรมีผู้ดูแลอยู่ตลอดเวลา ถ้าเข้าห้องน้ำก็ควรอยู่ในสายตา
  2. เก็บของมีคม ยา หรือสิ่งของที่อาจทำร้ายตนเอง
  3. ถ้าต้องกินยาควรจัดให้กินที่ละมื้อ และเก็บซองยาไว้
  4. จัดให้อยู่ห้องพักชั้นล่าง ระมัดระวังการออกไปที่ระเบียง หรือหน้าต่าง ถ้าไม่มีลูกกรงป้องกัน
  5. ไม่พูดตำหนิประชดประชัน หรือพูดท้าทายให้ทำร้ายตนเองอีก
  6. สังเกตอารมณ์เศร้าจากสีหน้า ท่าทาง คำพูดสั่งลาหรือตัดใจได้และอารมณ์เศร้า ถ้าเปลี่ยนจากซึมเศร้าเป็นสดชื่นอย่างกระทันหัน ควรระมัดระวังมาก
  7. ถ้านอนไม่หลับ / กินอาหารได้น้อย หรืออารมณ์เศร้าไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ควรพาไปพบแพทย์
  8. พาไปพบแพทย์หรือผู้ให้การปรึกษาตามนัดทุกครั้ง

การดูแลช่วยเหลือผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมฆ่าตัวตาย

  1. ให้การรักษาพยาบาลตามอาการที่พบ เช่น ทำแผล เย็บแผล ล้างท้อง เป็นต้น
  2. ถ้าส่งตัวกลับแดนควรแจ้งฝ่ายควบคุม ให้ช่วยกันเฝ้าระวังและป้องกันการฆ่าตัวตาย
  3. ในกรณีที่เอะอะโวยวายมากควรให้ยาสงบประสาทถ้าจำเป็น และพิจารณารับตัวไว้สังเกตอาการในสถานพยาบาล
  4. ถ้าไม่แน่ใจ หรือมีผู้ป่วยมีอาการรุนแรงเกินความสามารถในการช่วยเหลือ ควรแจ้งเรือนจำเพื่อขออนุญาตส่งต่อโรงพยาบาลภายนอก
  5. กรณีที่รับตัวไว้ในสถานพยาบาล ต้องปฏิบัติตาม Suicidal precaution และการช่วยเหลือทางด้านจิตใจ โดยให้การรักษาภาวะทางจิตเวชตามคำสั่งแพทย์ เช่น ยาแก้เศร้าในผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้า หรือยาคลายกังวลในผู้ป่วยที่เครียดมากมีปัญหาในการปรับตัว ยารักษาโรคจิตในขนาดต่ำ อาจได้ผลช่วยควบคุมความยับยั้งชั่งใจ ในผู้ป่วยที่มีบุคลิกภาพแบบหุนหันพลันแล่น โดยให้ Perphenazine 4 มก. ต่อวันหรือ Haloperidol 1 มก. ต่อวัน ในผู้ป่วยบางรายที่มีความเสี่ยงสูง และปฏิเสธไม่ร่วมมือในการรักษาหรือก้าวร้าว ควรให้ผู้ป่วยสงบในช่วงแรกโดยฉีด Diazepam 5-10 มก.เป็นครั้งคราว
  6. ควรให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาของผู้ป่วย และควรหาสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยพยายามฆ่าตัวตาย

การดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยในบางกรณี

กรณีผู้มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างกระทันหัน
เช่น จากการมีสภาวะซึมเศร้าเปลี่ยนเป็นสดชื่นอย่างกระทันหัน หรือจากอาการก้าวร้าวเปลี่ยนเป็นสงบซึมเฉย เป็นภาวะที่ต้องระมัดระวังอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นสภาวะที่แสดงถึงการตัดสินใจโดยเด็ดขาดที่จะฆ่าตัวตาย

กรณีผู้ป่วยมีภาวะซึมเศร้ามาก ไม่พูด ไม่รับประทานอาหาร หรือแยกตัวเอง

  • กระตุ้นให้ผู้ป่วยได้ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเอง ถ้าผู้ป่วยอยู่ในสภาวะที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ผู้รักษาหรือผู้ดูแล ควรหมั่นเข้าไปพูดคุยในเรื่องที่ผู้ป่วยสบายใจเป็นระยะๆ
  • จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีบรรยากาศผ่อนคลาย อากาศถ่ายเทสะดวกไม่อยู่ในที่มุมอับ เพื่อช่วยลดภาวะเครียดของผู้ป่วยลง
  • จัดอาหาร / ยา ให้ผู้ป่วยรับประทานตามเวลา โดยคำนึงถึงคุณค่าทางอาหารให้ครบตามความต้องการของร่างกาย สะอาดย่อยง่าย หาเครื่องดื่มเย็นๆ ให้ดื่มเพื่อจะได้รู้สึกสดชื่นขึ้น พร้อมทั้งอธิบายถึงประโยชน์ของการรับประทานอาหา รและยาให้ผู้ป่วยทราบ เพื่อโน้มน้าวให้ผู้ป่วยให้ความร่วมมือในการดูแลสุขภาพของตนเองเช่น บอกว่า ยาจะช่วยให้เขาดีขึ้น

กรณีผู้ป่วยก้าวร้าวและทำร้ายตัวเอง

  • จัดสิ่งแวดล้อมให้มีบรรยากาศผ่อนคลาย อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีอุปกรณ์เครื่องใช้ที่อาจนำมาเป็นเครื่องมือในการฆ่าตัวตาย เช่น ภาชนะที่เป็นแก้ว แจกัน กระติกน้ำร้อน มีดปอกผลไม้ ส้อม เป็นต้น
  • ขจัดและลดสาเหตุที่จะกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีอาการก้าวร้าวมากขึ้น เช่น ควรจัดแยกให้ห่างจากผู้ป่วยที่มีอาการเอะอะโวยวายอยู่ไม่สุข หรือผู้รักษาเองก็ควรให้การดูแลผู้ป่วย ด้วยความนุ่มนวลไม่ทำเสียงดังรบกวนผู้ป่วย ดูแลไม่ให้ผู้ป่วย ถูกรบกวนจากบุคคลที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอารมณ์คลุ้มคลั่งได้ง่าย เช่น บุคคลที่ผู้ป่วยกำลังโกรธ เป็นต้น

กรณีผู้ป่วยหวาดระแวง กลัวผู้อื่นจะมาทำร้าย

  • ผู้รักษาควรแนะนำตนเองให้ผู้ป่วยทราบว่าเป็นผู้รักษา และจะมาให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ามีความปลอดภัย
  • การสนทนาในระหว่างผู้ดูแลรักษา ไม่ควรใช้เสียงหรือทำท่ากระซิบกระซาบ เพราะทำให้ผู้ป่วยระแวง
  • ระหว่างการให้อาหารหรือยาแก่ผู้ป่วย ควรอธิบายให้ผู้ป่วยทราบว่ามีประโยชน์จะช่วยให้เขามีอาการดีขึ้น

กรณีที่ผู้ป่วยมีความรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่า

  • กระตุ้นให้ผู้ป่วยทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง
  • ให้ผู้ป่วยกิจกรรมต่างๆที่ประเมินแล้วว่าผู้ป่วยทำได้
  • พูดคุยเพื่อเสริมสร้างกำลังใจ

กรณีที่ผู้ป่วยเรียกร้องความสนใจจากผู้รักษามากเกินไป

  • ระวังความรู้สึกในทางลบต่อผู้ป่วยของตนเอง หากแก้ไขไม่ได้ควรให้ผู้อื่นดูแลรับผิดชอบแทน
  • ตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยตามสมควรไม่มากจนเกินไป เน้นให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด
  • คอยเสริมให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกที่ดีต่อตัวเอง เห็นความสามารถ และศักยภาพในการเป็นที่พึ่งของตนเอง

ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

Image

ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เป็นเรือนจำที่ทำหน้าที่พิเศษคือ คุมขังและให้การรักษาผู้ต้องขังที่เจ็บป่วย ที่ถูกส่งมาจากเรือนจำต่างๆ เมื่อรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว ก็จะส่งตัวกลับไปคุมขังที่เรือนจำเดิมต่อไป

 

สถานที่ตั้ง

ทัณฑสถานตั้งอยู่ในบริเวณ "กลุ่มเรือนจำลาดยาว" บน ถนนงามวงศ์วาน กทม.ซึ่งประกอบด้วยเรือนจำขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น เรือนจำ

กลางคลองเปรม เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง และทัณฑสถานหญิงกลาง

ด่านแรก

เป็นอาคารอำนวยการ 2 ชั้น ตั้งอยู่นอกกำแพงเรือนจำ ประกอบด้วยหน่วยงานต่างๆ เช่น ฝ่ายรักษาการณ์ ฝ่ายสวัสดิการ ฝ่ายทัณฑปฏิบัติ ซึ่งญาติที่มาขอเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังจะต้องมาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ที่อาคารนี้ ก่อนที่จะผ่าน เข้าสู่ภายในเรือนจำ ทัณสถานฯจะจัดตู้ ล็อคเกอร์ไว้ให้ญาติผู้ต้องขังเก็บสิ่งของ เช่น กระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือ เนื่องจากเป็นสิ่งของที่ห้ามนำเข้าไปในเรือนจำ ประตูผ่านเข้า-ออกเรือนจำจะถูกควบคุมการ ปิด-เปิดด้วยกลอนแม่เหล็กไฟฟ้า และมีการตรวจสอบการผ่านเข้าออกด้วยทีวีวงจรปิด

 

Image

การใช้บัตรลงเวลาผ่านเข้า-ออกของเจ้าหน้าที่

 Image

การ์ดแม่เหล็กระบบไร้สัมผัส

ภายในเรือนจำ.......

Imageเมื่อผ่านเข้ามาในเรือนจำ จะเห็นอาคารหลายหลัง อาคารหลังใหญ่ที่สุดทาง ด้านซ้ายมือเป็นอาคาร 9 ชั้น ก่อสร้างขึ้นด้วยงบประมาณ 410 ล้านบาทเพื่อให้สามารถรับผู้ต้องขังป่วยได้ 500 คน เริ่มเปิดใช้เมื่อเดือนกันยายน 2547 ที่บริเวณพื้นชั้นล่าง รอบๆตัวอาคารจะเห็นระบบบำบัดน้ำเสียของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งต้องลงทุนสูงถึง 10ล้านบาท เพื่อบำบัดน้ำเสียที่เกิดจากผู้ต้องขัง 500 คน น้ำเสียที่เกิดขึ้นจะถูกส่งผ่าน แผงหลอดอุลตราไวโอเล็ต ที่ฝังอยู่ใต้ดินรอบๆตัวอาคาร เพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

Image

ระบบบำบัดน้ำเสียที่ควบคุมการทำ งานอัตโนมัติด้วยไมโครโปรเซสเซอร์

Image

แผงหลอดอุลตราไวโอเล็ต ที่ถูกฝังไว้รอบๆตัวอาคาร

 


ชั้นที่ 1

Image

 

ชั้นล่างของตัวอาคารมีหน่วยงานหลายแห่งคล้ายกับโรงพยาบาลทั่วไป คือมีแผนกผู้ป่วยนอก แผนกเวชระเบียน ห้องจ่ายยา ห้องเอกซ์เรย์ห้องฉุกเฉิน ห้องตรวจโรค ฯลฯ ที่แตกต่างไปจากโรงพยาบาลทั่วไปก็คือ ระบบรักษาความปลอดภัยซึ่งจำเป็นในการควบคุมผู้ต้องขัง

 

  slide1

เครื่องCT SCAN

 Image

กิจกรรมหลายๆอย่างสำหรับผู้ต้องขังจะถูกจัดขึ้น ที่ห้องโถงชั้นล่างของอาคาร เช่น งานนิทรรศการ เต้นแอโรบิค แสดงดนตรี ฉายภาพยนต์ ฯลฯ

องโถงชั้นล่างของตัวอาคารเคยถูกใช้เป็นสนามแข่งชกมวยแดนสามัคคีเกมส์ครั้งที่ 1

Image

การแสดงดนตรีของผู้ต้องขัง

Image

โรงครัวและโรงซักฟอกเสื้อผ้าผู้ต้องขังที่อยู่ทางด้านปีกขวาของชั้นล่างของตัวอาคาร

Image

โรงครัวและโรงซักฟอกเสื้อผ้าผู้ต้องขังที่อยู่ทางด้านปีกขวาของชั้นล่างของตัวอาคาร

 

ห้องอาหารสำหรับเจ้าหน้าที่ของทัณฑสถานฯ มีพื้นที่กว้างพอที่จะแบ่งส่วนหนึ่งออกมาทำเป็น ห้องพักผ่อนและศูนย์การเรียนรู้ได้ในอนาคต

Image Image

ระบบป้องกันอัคคีภัย
ทัณฑสถานฯ ได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนอุปกรณ์ ตรวจจับควันไฟ สัญญาณแจ้งเพลิงไหม้และ อุปกรณ์ดับเพลิง มากกว่าร้อยตัวไว้ตามจุดต่างๆของตัวอาคาร โดยมีศูนย์ควบคุม ซึ่งสามารถบอกได้ทันทีว่าเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่จุดไหน

 

Image Image Image Image Image Image
อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน ควันไฟ สัญญาณแจ้งเพลิงไหม้ ตู้ดับเพลิง และ ศูนย์ควบคุมและตรวจสอบสัญญาณแจ้งเพลิงไหม้ของทัณฑสถานฯ

ห้องควบคุมระบบไฟฟ้า
ที่ชั้นล่างบริเวณท้ายอาคารจะเป็นห้องควบคุมระบบไฟฟ้า มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องดีเซลเทอร์โบของ Volvo ซึ่งจะจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับตัวอาคาร ห้องผ่าตัดห้องฉุกเฉิน ฯลฯ และลิฟท์ทุกตัวได้ทันทีที่ไฟฟ้าดับ (ลิฟท์ของทัณฑสถาน มีอยู่ 4 ตัว 2 ตัวสำหรับผู้ต้องขัง อีก 2 ตัวสำหรับเจ้าหน้าที่)

Image Image Image

 


 

ชั้นที่ 2
มีหน่วยงานอยู่ 4 หน่วยงานคือ กลุ่มงานทันตกรรม กลุ่มงานชันสูตร กลุ่มงานศัลยกรรม และงานพัสดุ กลุ่มงานทันตกรรม ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของตัวอาคาร มีทันตแพทย์ประจำ 6 คน ให้บริการผู้ต้องขังซึ่งส่วนใหญ่มาจากเรือนจำต่างๆในเขต กทม.

 

Image Image
เอกซ์เรย์ฟันระบบดิจิตอลทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและสามารถ ส่งฟิล์มเอกซ์เรย์ไปยัง ระบบ LAN หรือ Internet ได้ทันที

ห้องปฏิบัติการชันสูตรตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของตัวอาคาร ทำหน้าที่ตรวจเลือดและตัวอย่างสิ่งคัดหลั่งต่างๆที่แพทย์ส่งตรวจเพื่อวินิจฉัยโรค

Image เครื่องเอกซ์เรย์ Digital Orthopan-  tomogram ที่ใช้กับผู้ต้องขังโรคฟัน เครื่องมือทันตกรรม ได้รับการฆ่าเชื้อโรค ที่หน่วย CSSD ของ ทัณฑสถานฯ Image

กลุ่มงานชันสูตร
ห้องปฏิบัติการชันสูตรตั้งอยู่ที่ชั้น 2ของตัวอาคาร ทำหน้าที่ตรวจเลือด และตัวอย่างสิ่งคัดหลั่งต่างๆที่แพทย์ส่งตรวจเพื่อวินิจฉัยโรค

Image Image Image

กลุ่มงานห้องผ่าตัด
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของตัวอาคาร มีห้องผ่าตัดใหญ่ 4ห้อง 

หน่วยจ่ายกลาง (CSSD)   ของ ทัณฑสถานโรงพยาบาล การผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านศัลยกรรมกระดูก เครื่องล้างเครื่องมืออัตโนมัติ สำหรับล้างเครื่องมือผ่าตัด

จักษุแพทย์ของทัณฑสถานโรงพยาบาล กำลังทำผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาของ ผู้ต้องขังโดยใช้กล้องจุลทัศน์ช่วย เพื่อการรักษาความปลอดภัย ระบบสแกนลายนิ้วมือจึงถูก นำมาใช้ในการผ่านเข้าห้อง ผ่าตัดของทัณฑสถานฯ

 


 ชั้นที่ 3

 

ฝ่ายการพยาบาล

กลุ่มงานเทคโนโลยีสารสนเทศ

กลุ่มงานธุรการ และการเงิน

กลุ่มงานส่งเสริมสุขภาพ

กลุ่มงานประกันสุขภาพทั่วหน้า 

กลุ่มงานสังคมสงเคราะห์

กลุ่มงานยาต้าน

Image Image
เครื่อง Scanner ที่ใช้ในการสแกน เอกสารต่างๆ เข้าสู่ระบบ INTRANET ของทัณฑสถานโรงพยาบาล

ชั้นสามของตัวอาคารประกอบด้วย ห้องทำงานของหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ฝ่ายบริหาร (งานธุรการ งานการเงินและบัญชีงานพัสดุ งานการเจ้าหน้าที่)ฝ่ายการพยาบาล กลุ่มงานประกันสุขภาพฯ กลุ่มงานสารสนเทศ กลุ่มงานวิชาการ ห้องทำงานแพทย์ ห้องประชุม 2 ห้องซึ่งใช้ในการจัดประชุม และจัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของทัณฑสถานฯทุกเดือนห้องสารสนเทศ เป็นศูนย์กลางของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของทัณฑสถาน ซึ่งเป็นGigabit LAN ที่สามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ ลูกข่ายในระบบ INTRANET ได้มากกว่า 150 เครื่องและยังเชื่อมต่อกับระบบ INTERNET ความเร็วสูงเพื่อสืบค้นข้อมูลผู้ต้องขังได้โดยตรง จากศูนย์ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกระทรวงมหาดไทย

 

Image Image
การจัดฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที ของทัณฑสถานโรงพยาบาลฯ

 


ชั้นที่ 4 ถึง 8
เป็นชั้นสำหรับพักรักษาตัวของผู้ต้องขังป่วยมีเตียงรับผู้ป่วยได้เต็มที่ประมาณชั้นละ100 เตียงชั้น4 รับผู้ป่วยจิตเวช ชั้น5 รับผู้ป่วยศัลยกรรมชั้น6 เป็นผู้ป่วยอายุรกรรม ชั้น7รับผู้ป่วยวัณโรคส่วนชั้น8 ใช้รับผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง

 

Image

การจ่ายยาระบบ DOTS ให้ผู้ป่วยวัณโรค

Image

ผู้ต้องขังได้รับการเยี่ยมอย่างใกล้ชิด

Image

นักจิตวิทยากำลังประเมินสภาพจิตของผู้ป่วย

Image

ห้องกายภาพบำบัด

Image

การให้สุขศึกษาแก่ผู้ต้องขัง

 


ชั้นที่ 9

เป็นห้องพักเวรเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีอยู่ 20 ห้อง ทุกๆห้องจะติดเครื่องปรับอากาศ เครื่องตรวจจับควันไฟ และมีห้องน้ำในตัว นอกจากนี้ ยังติดตั้งโทรศัพท์ที่สามารถโทรออกภายนอกได้ทุกห้อง

 

Image Image Image  Image
ห้องนอน 1 ห้องจะมี 2 เตียง พร้อมกับทีวีและล็อคเกอร์ใส่เสื้อผ้า ห้องน้ำและส่วนอาบน้ำที่อยู่ภายในห้องนอนเจ้าหน้าที่ทุกห้อง

 

Image Image Image
ห้องออกกำลังกายติดเครื่องปรับอากาศสำหรับเจ้าหน้าที่ก็อยู่ชั้นเดียวกันกับห้องพักเวร
  • Dep Curr
  • DOC02
  • Gpo
  • Asso
  • การเยี่ยม
    mini logo

    ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
    33/2 ถนนงามวงศ์วาน เขตจตุจักร กรุงเทพ 10900 
    อีเมล:hosdoc.mci@gmail.com
    โทร.: 0-2953-3999

     
    Follow Us :